สื่อรักคิวปิด กับสีของ ความรัก
นิยายชีวิตรักของคนเรา อาจลงท้ายด้วยน้ำตา
หรือเสียงโห่ของขบวนแห่ขันหมาก
แต่สุดท้ายก็ยังเกิดคำถามว่า
รักคืออะไร ?
นักปราชญ์และจินตกวีหลายท่าน
ถกเถียงถึงธรรมชาติของความรักตลอดมา
บางคนคิดว่ารักที่แท้จริงจะต้อง
ไม่เห็นแก่ตัว
มีความเสียสละ
ความจริงใจ ฯลฯ
แต่จริงๆ แล้วความรักไม่น่าจะถูกกำหนดด้วยคำใดคำหนึ่ง
แต่น่าจะคือทุกสิ่งรวมกัน
คือมีทั้งสุข ทุกข์ รอยยิ้ม น้ำตา
มีรักของพ่อแม่ พี่น้อง คนรัก สามีภรรยา
รักของมิตรสหาย หรือเพื่อนร่วมโลก
แต่รักนั้นจะสมหวังหรือไม่ หลายคนโยนให้เป็นหน้าที่ของสื่อรัก
ที่ชื่อว่า “ กามเทพ “ ว่าจะหยอกล้อ
เล่นกลกับมนุษย์ตาดำๆ อย่างไร …
กามเทพหรือคิวปิดมีหลายตำรา
กล่าวถึงแตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ
มีปีก ถือคันธนู
บ้างก็ว่าเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ มีอาวุธคือธนูทำด้วยต้นอ้อย
มีสายเป็นตัวผึ้งต่อๆ กัน ปลายลูกศรมีดอกไม้แทน
เหล็กแหลม ขี่นกแก้วเป็นพาหนะ
โดยมีธงสีแดงลวดลายมังกรนำหน้า
ตำราฝรั่งเล่าว่า
กามเทพแท้จริงเป็นบุตรชายของวีนัส (เทพเจ้าแห่งความงามและความรัก)
ที่แต่งงานกับ อาริส (เทพเจ้าอังคาร) มีลูกด้วยกันหลายคน
แต่ในจำนวนบุตรที่มีเรื่องยุ่งและวุ่นวายที่สุดคือ คิวปิด
หรือกามเทพนั่นเอง แต่ถึงจะดื้ออย่างไร
คิวปิดก็ยังกลัวแม่มากที่สุด
เล่ากันว่าคิวปิดดื้อไปหลงรักไซคี
หญิงสาวชาวโลกที่มีความงามเหนือกว่าวีนัสผู้เป็นมารดา
จนวีนัสสั่ง
ให้คิวปิดไปยิงธนูให้ไซคีหลงรักปิศาจ
แต่คิวปิดทำไม่ได้จนกระทั่งศรนั้นปักอกตัวเองเข้า
ทำให้คิวปิดต้องแต่งงาน กับไซคีจนได้
กระทั่งมีพยานรัก 1 คน ชื่อว่า เดลิซิโอ
ด้วยภารกิจของคิวปิดที่มีหน้าที่สร้างรักให้ชายหญิง
โดยอาศัย ลูกธนู หรือ ศรรัก คิวปิดจึงเป็นเทพที่มีฉายา
มากที่สุด…
คิวปิดถือว่าตัวเองมีรูปงาม
ใครเห็นก็ต้องหลงไหลจึงมีฉายาว่า อภิรูป (มีรูปงาม)
แถมยังซุกซนจนมีฉายาว่า
กลาเกลี (สบาย, สนุกสนาน)
วันๆ เอาแต่ถือตะเกียงวสันต์เพื่อจุดไฟสวาท
จึงมีฉายาว่า มธุทีป (ตะเกียงน้ำผึ้ง,ตะเกียงวสันต์)
และตอนที่กำลังจุดไฟก็ได้รับฉายาว่า ทีปกะ
หรือ ทรรปกะ (ผู้จุดไฟ)
จนไฟรักลุกลามในหัวใจใครๆ
จนได้ฉายาว่า มุรมุธ (ไฟลั่นเปรี๊ยะ)
พอไฟช็อตใจแล้วก็เกิดความมักมาก
จึงได้ฉายาว่า คฤธุ หรือ คฤตส (มักมาก)
และ รัตนารัจ (ผู้มักมากในราคะ)
และ คัทยิตนุ (ก้านแห่งราคะ)
เมื่อคิวปิดตั้งรากฐานอยู่กับอารมณ์
ความต้องการจึงเกิดขึ้น
ก็ได้ฉายาอีกว่า กามน และ ขรุ (กำหนัด)
จนก่อให้เกิดความวุ่นวายใจไม่สงบก็ได้ฉายาอีกว่า
ศะมานตก (ผู้ลบล้างความสงบ)
หรือ มาก (ผู้ผลาญ)
ความรักเกี่ยวกับอารมณ์จึงมีการล่อหลอกให้ตายใจเพื่อสิ่งที่
ต้องการ จึงได้ฉายา มายี (ผู้ลวง)
พอลวงเสร็จแล้วก็ทำให้หลงใหลงงงงวย
ก็ได้ฉายาว่า มหิภะ (ผู้ทำให้ฉงนงงงวย)
คิวปิดมีอาวุธประจำตัวคือ ศรที่ทำด้วยดอกไม้น้ำผึ้ง
จึงได้ฉายาว่า กุสุมาวุธ, ปษปธนู, ปษหศร (ศร, ธนูดอกไม้)
และยังชอบถือดอกไม้ในมือ
ก็ได้ฉายาอีกว่า บุษปเกตน์
เมื่อยิงศรปักอกใครแล้วก็นับเป็นการสร้างความรัก
ก็ได้ฉายาอีกว่า ศฤงคารโยนี (บ่อเกิดแห่งความรัก)
รักย่อมตราตรึงอยู่ในหัวใจและความทรงจำตลอดไป
ก็ได้ฉายาอีกว่า สมร
ความรักเป็นสื่อให้มนุษย์รู้จักและเข้าใจกัน
จึงเป็นผู้สอนคนให้รู้จักโลก
ก็ได้ฉายาว่า สังสารคุรุ(เป็นครูของโลกมนุษย์)
เฮ้อ… ! เทพอะไรก็ไม่รู้ ทำไมถึงได้รับฉายามากมายขนาดนี้
มิน่าเล่าในบรรดาลูกทั้งหมดของวันัส คิวปิดจึง
เป็นลูกที่วุ่นวายที่สุด
แต่ถึงอย่างไรกามเทพก็มีบุญคุณต่อหญิงชายทั่วโลก
เพราะทำให้ได้รู้จักกับความรัก เป็นสื่อทำ
ให้คนรักกัน หรือจะทำให้เป็นแผลในหัวใจ
จึงทำให้นักจิตวิทยาวิเคราะห์ความรักออกมาเป็นสีต่างๆ
โดยยึดโครงสร้างแม่สีทางศิลป์มาช่วยในการเปรียบเทียบดังนี้…
สีแดง (EROS) ความรักแบบบูชาความรัก
(กามพิศวาส) มักเป็นรักแบบ “ รักแรกพบ “
เพราะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน มีความหวัง
มีความต้องการสูงและรุนแรง
มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ชอบของสวยๆ งามๆ ของร่างกาย
เช่นรูปร่าง หน้าตา เห็นปุ๊บก็รักปั๊บ
ความรักแบบนี้มักลงเอยที่เตียงนอนหลังจากคบได้ไม่นาน
แรกๆ มักแกล้งไม่เห็น ข้อบกพร่องหรือรอยมลทิน
ของกันและกัน เพื่อรักษาความสัมพันธ์นั้นต่อไป
เมื่อถึงคราวเลิกรากันก็ยังดำเนินชีวิต
อยู่ได้อย่างปกติสีฟ้า (LUDUS) ความรักแบบเล่นรัก
(ดอนฮวนหรือขุนแผน) นักรักประเภทนี้จะไม่ยอมผูกขาด
หรือสุงสิงกับผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ
และจะไม่ยอมสร้างความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด
นักรักสีฟ้าจะพยายามแสวงหาคู่นอนคนใหม่
มากกว่าจะเสียเวลาเรื่องความรัก
มีแต่ความคึกคะนองไม่มีสิ่งใดยึดเหนี่ยวจิตใจได้เลย
ซึ่งบางครั้งยังรวมไปถึงการ
ร่วมรักระหว่างเพศเดียวกันอีกด้วย
เพราะคิดว่านั่นคือเกมกีฬาชนิดหนึ่ง
พอเสร็จกิจธุรกิจก็แล้วกันไป สีเหลือง (STORGE) ความรักที่เกิดจากความใกล้ชิด
(รักแบบเพื่อน) ความรักประเภทนี้ค่อนข้างจะสงบเงียบ
มักเกิดขึ้นกับบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกันแบบไม่รู้ตัว
มักฟักตัวขึ้นมาอย่างเงียบๆ
การร่วมรักจะเกิดขึ้นหลังจากทั้งสองได้
รู้จักกันเป็นอย่างดี จุดมุ่งหมายของนักรักสีเหลืองคือ
การมีครอบครัว มีบ้านและเด็ก
จึงจำเป็นต้องวางแผนชีวิตไว้ล่วงหน้า
แต่ถ้าเกิดการแตกร้าวทั้งสองฝ่ายก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้แต่ถ้าหากคุณนำแม่สีทั้ง 3 มาผสมกันก็จะเกิดความรักขั้นที่สองแบบย่อยๆ อีก… ฟ้า + แดง = สีม่วง (MANIA)
หรือความรักอย่างคลั่งไคล้ (นักรักโรคจิต)
นักรักสีม่วงมักคิดอะไรเกินไปตลอด
เวลา จนบางครั้งถึงกับละทิ้งหน้าที่การงาน
เป็นทุกข์เป็นร้อนทรมานใจ
เพียงแค่คู่รักขาดความเอาใจใส่เพียงชั่วครู่
ถ้ามีคนมาให้ความอบอุ่นอารมณ์หงุดหงิดนั้นก็จะหายไป
แต่ชีวิตมักจบลงด้วยความเศร้า เพราะนักรักสีม่วงมักจะ
ทุ่มเทหัวใจและความรักมากๆ จนไม่เหลือให้กับตัวเอง
อาจถึงขั้นฆ่าตัวตายได้…ต้องยับยั้งชั่วใจด้วยนะฟ้า + เหลือง = สีเขียว (PRAGMA) ความรักจริงจัง
นักรักประเภทนี้จะเลือกคู่ครองโดยอาศัยความเข้าใจทาง
ด้านนิสัย บุคลิกภาพ การศึกษาที่อยู่ในระดับเดียวกัน
ตลอดจนทัศนคติทางการเมือง ศาสนาเดียวกัน และถ้าหาก
ไม่สามารถเข้าใจซึ่งกันและกัน เขาก็จะหาคนใหม่
แต่ถ้าหากเขาตัดสินใจเลือกแล้ว
เขาก็จะเริ่มบุกประชิดตัวทันที
แต่ความสัมพันธ์ของนักรักสีเขียว
มักใช้เวลาในการฟูมฟักเป็นปีๆ
กว่าจะปลูกต้นรักให้งอกงามได้แดง + เหลือง = สีส้ม (AGAPE) ความรักแบบเสียสละ
(นักรักนักบุญ) เป็นความรักที่คลาสสิคเป็นรัก
มีรากฐานมาจากความอดทน ความกรุณา
ปราศจากความหึงหวง
นักรักสีส้มมักเป็นฝ่ายที่รักเขาก่อนเสมอ และไม่ต้อง
การสิ่งตอบแทน ซึ่งหายากมากในสังคมปัจจุบัน
เพราะมีสิ่งหนึ่งที่มนุษย์เราไม่สามารถตัดออกไปได้
นั่นคือ “ ความเห็นแก่ตัว “ สีใดที่ตรงใจคุณๆ บ้างก็ลองพิจารณาดูนะ หรือใครจะนำหลายๆ สีมาผสมกันจนเป็นสีของตัวคุณเองก็ได้
ที่มา
http://www.geocities.com/fundee2000/cupid.htm