nusara
|
|
« on: November 26, 2009, 10:20:05 pm » |
|
มัทนพาธา : ตำนานเกี่ยวกับดอกกุหลาบบทละครพูดคำฉันท์เรื่องมัทนพาธา พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๖๗ เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. ๒๔๒๔ - ๒๔๖๘) มัทนะพาธา เป็นบทละครพูดคำฉันท์ ๕ องค์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้น เมื่อพ.ศ.๒๔๖๖ วรรณคดีสโมสรได้ยกย่องว่าเป็นหนังสือแต่งดีพ่อแม่หลายคนซึ่งประทับใจกับ วรรณคดีเรื่อง มัทนพาธาคำฉันท์ ก็จะมักนำคำว่า มัทนา มาตั้งเป็นชื่อลูกๆ มัทนพาธา แปลว่า ความเจ็บปวด ความเดือนร้อนเพราะความรัก มัทนพาธา เป็นตำนานเกี่ยวกับดอกกุหลาบ
มัทนะ ๑ แปลว่า การยํ่ายี, การบด, การทําลาย.
ตามทรรศนะของผู้เขียนเชื่อว่า ต่อมาคำว่า มัทนะ มีความหมายกว้างขึ้น โดยถูกนำไปใช้เรียกกริยาของช้างตกมัน ที่มักจะทำลายสิ่งที่ขวางหน้า โดย เทียบกับศัพท์ มทะ ที่แปลว่า ความเมา; นํ้ามันช้างที่ตกมัน; สภาพช้างที่ตกมัน.
มัทนะ ๒ แปลว่า กามเทพ.
ตามทรรศนะของผู้เขียนเชื่อว่า คำว่า มัทนะ ที่แปลว่า กามเทพ ก็เพราะกามเทพ เป็นผู้มี ศร ซึ่งมีอานุภาพ ทำให้เกิดความมัวเมาลุ่มหลง นั่นเอง
พาธ, พาธา แปลว่า ความเบียดเบียน, ความทุกข์.
ตามทรรศนะของผู้เขียนเชื่อว่า คำว่า มัทนะ/มัทนา มีความหมายขยายกว้างขึ้น หมายถึงความรัก ก็เพราะ คนมีความรักมักจะมีความมัวเมาลุ่มหลง --> ต่อมาคำว่ามัทนะ ถูกใช้เรียกอาการของช้างที่มีความรัก (ช้างตกมันที่ชอบทำลายสิ่งต่างๆที่ ขวางหน้า) ซึ่งคำว่า มัทนะ/มัทนา เป็นคำเดียวกับคำว่า เมท, เมโท ที่แปลว่า มันข้น.
คำว่า เมโท ปรากฎอยู่ในบทสวด ทวัตติงสาการปาฐะ ( อาการ ๓๒) ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่พิการ คนโบราณท่านจึงเรียกว่าเกิดมาไม่ครบ ๓๒ แต่ทว่าคนญี่ปุ่นโบราณจะนับระยางใหญ่ในร่างกาย คือ แขนสองข้าง + ขาสองข้าง + ศรีษะ รวมเป็นระยางใหญ่ในร่างกาย ทั้ง ๕ ฉะนั้นคนพิการในประเทศญี่ปุ่นจึงถูกเรียกว่า เกิดมาไม่ครบ ๕ ด้วยประการฉะนี้ (ไม่ครบห้า : No One’s Perfect) เป็นชื่อหนังสือที่กล่าวถึงอัตชีวประวัติของ ฮิโรทาดะ โอโตตาเกะ ซึ่งเป็นชายพิการชาวญี่ปุ่นที่ไม่ท้อแท้ต่อโชคชะตา สามารถอ่านอัตชีวประวัติของ ฮิโรทาดะ โอโตตาเกะ เพิ่มเติมได้ที่บันทึกของ คนไม่มีราก @ ๑๘๗๐๒๐)
รวมความได้ว่า คำว่า มัทนะ/มัทนา แปลว่า ความรัก/ความลุ่มหลวงมัวเมา เพราะลูก คือ สิ่งอันเป็นที่รักของพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่มัวเมาลุ่มหลง พ่อแม่รักลูกยอมทำเพื่อลูกทุกสิ่งอย่างก็ด้วยความมัวเมาลุ่มหลง ด้วยเหตนี้ ลูกจึงได้ชื่อว่า มัทนา นั่นเอง อ้างอิงจาก : http://rirs3.royin.go.th
|
|
|
|
|
|
|